แนวหน้า วันพฤหัสบดี 5 ธันวาคม 2556
Section : ผู้หญิง/บันเทิง
ปีที่ : 21 ฉบับที่ : 6902 หน้า: 23 (บนซ้าย)
ภาพข่าว : บันเทิงแนวหน้า: หลังจากเหน็ดเหนื่อยกันมานาน

หลัง จากเหน็ดเหนื่อยกันมานานร่วม 8 เดือน ก็ถึงเวลาเลี้ยงปิดกล้องภาพยนตร์โทรทัศน์ฟอร์มยักษ์ “ผู้ชนะสิบทิศ” ทาง สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 นำทีมโดยผู้จัดคนเก่ง ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล รัตตกุล, ผู้กำกับ คุณากร เศรษฐี, ฟิล์ม-รัฐภูมิ, โบว์ลิ่ง-ปริศนา, ฟลุค-จิระ, ปั้นจั่น-ปรมะ, มด-ณปภัช, ขนมจีน-กุลมาศ, เอ๊าะ-กีรติ, แคนดี้-ชุติมา และทีมงาน ณ ร้าน Happy Fish Pub & Restaurant ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เอเชียทีค

แนวหน้า วันพุธ 20 พฤศจิกายน 2556
Section : ผู้หญิง/บันเทิง
ปีที่ : 21 
ฉบับที่ 6891  หน้า : 18 (ซ้าย) 
คอลัมน์ : คนเฝ้าจอ โดย ช่อ ชัยพฤกษ์ : ผู้ชนะสิบทิศ...ขายหน้าช่อง 8!!?

ผู้ชนะสิบทิศ … ขายหน้าช่อง 8..!!?
“นั่ง เฝ้าจอ”  ดูทั้งหนัง ทีวี และแม้แต่เรื่องที่เกิดออนไลน์หลากหลาย ขอให้ดัง ขอให้ดี มีโอกาส “เขียนถึงได้” นั่นคืองานของ “ช่อ ชัยพฤกษ์”
บอกกันตรงๆ นึกไม่ถึงว่า จู่ๆ ก็มีแผ่นดีวีดี ของละครเรื่อง “ผู้ชนะสิบทิศ” ที่กำลังแพร่ภาพทางช่อ ง8 วาไรตี้ 24 ชั่วโมง ส่งมาให้
ระบุเลย ขอให้เขียนที่ “คนเฝ้าจอ” ผู้สร้างหรือผู้ทำงานในเรื่องนี้ จะรออ่าน ....
ผ่าน มาเกือบ 30 ปีมั๊ง ที่พฤติการณ์นี้ มี “ท่านมุ้ย” ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล ท่านเคยเดินมาหาเรา แล้วบอกว่า “ช่วยเข้ากองถ่ายไปดูงานผมหน่อย”
“ผู้ ชนะสิบทิศ”วันนี้ มีชื่อของ “ท่านมุ้ย” เป็นที่ปรึกษาเท่านั้น แต่ผู้อำนวยการผลิต เป็นชื่อพระธิดา “แมงมุม” ม.ร.ว.  ศรีคำรุ้ง ยุคล รัตตกุล
เราเคยไปที่วังท่าน ยังมองเห็น”แมงมุม” วิ่งเล่นเหมือนเด็กทั่วๆไป แต่วันนี้ มีครอบครัวแล้ว ต้องออกมาทำงานแทนพระบิดาแล้ว เหมือนกับ “ชายอดัม” ม.ร.ว. เฉลิมชาตรี ยุคล ที่เคยสร้างผลงานหนังออกมาแล้ว 1 เรื่อง มันเป็นเรื่อง “ลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น”อย่างแท้จริง เพราะ “หม่อมแม่” หรือที่เรียกกันว่า “หม่อมบี๋” กมลา ยุคล ณอยุธยา ก็เคยเป็นดาราระดับนำมาก่อน เป็นครอบครัว “คนมายา” ทีเป็น “เชื้อพระวงศ์”อย่างแท้จริง และสิ่งพิสูจน์วันนี้ น่าจับตามาก อยู่ที่ “ผู้ชนะสิบทิศ”  ของ ช่อง 8 ที่ “หน้าตาแท้จริง”นั่นคือ ค่าย “อาร์เอส” ค่ายเพลงแถวหน้าของเมืองไทย
ละคร เรื่อง “ผู้ชนะสิบทิศ” สร้างความฮือฮาที่งบประมาณการสร้าง สูงยิ่งกว่า ค่าจ้างสร้างละครของฟรีทีวีอย่างช่อง 7 สีและช่อง 3ด้วยซ้ำไป
80 ล้าน ต่อ 40 ตอน ....!!
เพราะเมื่อกลับไปดูงบสร้างของ “ละครเรื่องอื่นๆ” ที่นอกจากข้อตกลงไม่เหมือนการทำงานในช่องไหนแล้ว
ค่าจ้างทำที่ กำหนดไว้ 24 ตอน ต่อ 18 ล้านบาท และต้องต่อด้วย ช่วงของ “Post production” อีก 6 ตอน
คือ สร้างมายังไง “จ่าย 24 ตอน” งานมายังไง “ต้องส่ง 30 ตอน” นั่นหมายถึง ตอนละ 6 แสนบาท ไม่น้อยหรอก กับการทำงานที่ไม่ได้ซีเรียสมาก แต่สร้างผลงานให้เกิดขึ้นเท่านั้น
หากว่า “ผู้ชนะสิบทิศ” 40ตอน ต่อ 80 ล้านบาท หมายถึงตอนละ 2 ล้านบาท ...!!
และแน่นอนย่อมเป็นเพียง “ขายชื่อ”ของ “ท่านมุ้ย”ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล วันที่ไปบวงสรวงเท่านั้น
วันจริง ทำงานจริง  และควบคุมดูแลการถ่ายทำ เป็นหน้าที่ของ “ปุ๊” คุณากร เศรษฐี น้องแท้ๆของ “หม่อมบี๋” กมลา ยุคลฯ 
ที่ต้องขนเอาประสบการณ์การทำงานมาตั้งแต่ “สุริโยไท”มาใช้ ไม่ว่า ฉาก-เสื้อผ้า-แต่งหน้า หาพร็อพ ทุกอย่าง
บอกไว้ตรงนี้ แม้ไม่มีเทียบเชิญให้เราเข้าไปดูเหมือนที่ “ท่านมุ้ย”เคยเชิญ ....
ต้อง บอกครับว่า สุดยอดครับ กับการดู 3 ตอนที่ให้มา แต่พรุ่งนี้ หรืออีกหลายวันจะเล่าต่อว่า อะไร คือ “จุดแข็ง”และ “จุดอ่อน”ของ “ผู้ชนะสิบทิศ”

เดลินิวส์ : วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน 2556   
Section : กีฬา/บันเทิง 
ฉบับ : 23413 หน้า: 23 (ซ้าย) 
คอลัมน์  - บันเทิงฟรีสไตล์ “ผู้ชนะสิบทิศ” ละครน้ำดีน่าชม
เขียน : วิภา .... วดี

“ผู้ชนะสิบทิศ” ละครน้ำดีน่าชม
ออก อากาศไปได้ไม่กี่ตอน สำหรับภาพยนตร์โทรทัศน์ฟอร์มยักษ์ “ผู้ชนะสิบทิศ” ทางช่อง 8 ละครเกี่ยวกับประวัติศาสตร์พงศาวดารของพม่า จากมหากาพย์วรรณกรรมของ ยาขอบ สู่อลังการงานละครสุดยิ่งใหญ่ที่กำลังออกอากาศอยู่ในขณะนี้ ก็ทำเอาแฟน ๆ พูดึงกันไม่หยุดไม่หย่อน ผลิตโดย คุณแมงมุม – ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล ผู้จัดหน้าใหม่ ทายาทผู้กำกับชื่อดัง ท่านมุ้ย – ม.จ.ชาตรีเฉลิมยุคล มาร่วมงาน
“ผู้ชนะสิบทิศ” เรื่องราวความรักระหว่างรบที่สะท้อนให้เห็นถึงความเสียสละที่มีต่อสถาบันพระ มหากษัตริย์และแผ่นดินเกิดอย่างน่ายกย่อง การเดินเรื่องของละครในตอนแรก พูดถึงแม่ทัพหนุ่มรูปงาม และเฉลียวฉลาดชำนาญการรบ “จะเด็ด” (ฟิล์ม – รัฐภูมิ โตคงทรัพย์) แห่งเมืองตองอู ที่เติบโต มาพร้อมกับกษัตริย์ “มังตรา” ฟลุ๊ค – จิระ พวรเกียรติ) และตะละแม่จันทรา (โบว์ลิ่ง – ปริศนา กัมพูสิริ) ด้วยเพราะทั้ง  3 คนดื่มนมร่วมอกเดียวกันของนางเลาชี แม่ของจะเด็ด ตนเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาวจะเด็ดและตะละแม่จันทราเกิดความรักผูกพันกัน แต่มีเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกัน และเกิดเรื่องรายต่าง ๆ ขึ้น 
เรื่อง นี้ผมชื่อชื่นชมอย่างหนึ่งว่าโปรดักชั่นสมจริงมองแล้วไม่หลอกตา การจัดแสงสวยงามมีความประณีต ในส่วนของเสื้อผ้าของดารานักแสดงแต่ละคนนั้นอลังการ เรียกว่าใส่ใจในรายละเอียดเป็นอย่างดี 
สำหรับเนื้อหานั้นสนุกสนาน แถมยังปลุกกระแสรักชาติให้กับเราได้ด้วยดี ยิ่งตอนนี้เหตุการณ์บ้านเมืองที่ยังคงไม่สงบหลายคนที่ดูละครอิง ประวัติศาสตร์ อาจจะทำให้เราได้กลับมาย้อนดูตัวมากขึ้น
หลังตากที่ได้ชม ผมรู้สึกว่า ถึงจะแค่ช่องเคเบิล แต่ช่อง 8 ก็มีการลงทุนและมีการทำงานที่ละเอียดไม่แพ้ละครทางฟรีทีวี ผมเชื่อว่าถ้ามีการรักษามาตรฐานการทำงานแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คนคงจะหันมาให้ความสนใจและติดตามละครช่องนี้มากขึ้นแน่นอน
ที่ผ่านมา บ้านเรามีเคเบิลทีวีเกิดขึ้นมากมาย แต่ต้องยอมรับว่าหลาย ๆ สถานีไม่ค่อยให้ความสำคัญกับผลงานอกมาเท่าไหร่ บางรายการทำออกมาแบบสุกเอาเผากิน แค่ง่าย ๆ ทำแบบไปวัน ๆ ทำให้ผู้ชมไม่ค่อยสนใจช่องเคเบิลมากเท่าไหร่ ผมเชื่อว่าถ้าทุกช่องร่วมแรงร่วมใจสรรค์สร้างผลงานดี ๆ รับรองว่าผู้ชมต้องหันมาดูเคเบิลทมากขึ้นแน่นอนครับ 

วิภา....วดี

ไทยโพสต์ : วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2556 // วิสามัญบันเทิง – รออยู่ทำไม?

รออยู่ทำไม?

 ใน ขณะที่คลื่นมวลมหาชนมือเปล่า – เท้าใส่เกือก เดินไหลไปสู่ถนนราชดำเนิน แน่นชัดทั้งนอก – กลาง –ใน ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาโฆษกตำรวจกลับด่าว่าเป็น “ม็อบระยำ” ซ้ำสื่อตะปิ้งยังดูแคลน เย้ยหยัน ประเดี๋ยว “ท่อน้ำเลี้ยงตัน” คุณสุเทพนั่นแหล่ะจะเป็นฝ่ายอำลา ไม่ใช่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ไป!!!

โฆษก ตำรวจท่านคงกริ้วโกรธแค้นเคืองม็อบเอามากถึงกับหลุด “ผรุสวาจา” ทั้งที่บนบ่าติดดาวสัญลักษณ์ของ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” อย่างกับคน “ขาดสติ” แต่อย่าได้ไปตำหนิหรือถือสาหาความกับท่านเลย

“ม็อบระยำ” น่ะ แค่เจ็บ ๆ คัน ๆ

กรุงเทพธุรกิจ : วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2556
เรื่อง : ชฏาพร นาวัลย์
ภาพ : อนันต์ จันทรสูตร์
ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล โยงใยสายเลือด “มายา”

            คุณหญิงแมงมุม ชื่อที่คนในวงสังคมชั้นสูงเรียกขานเธอ และทุกคราเมื่อกล่าวถึง ก็มักจะมีคำพ่วงท้ายว่า “ธิดาของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล” ถึงกระนั้นก็มิได้กดดันให้เอต้อง “ดิ้นหนี” หากเป็นแรง “ผลักดัน” อันยิ่งใหญ่ให้เฉิดฉายอยู่เบื้องหลังวงการบันเทิงไทยอย่างองอาจ
              มักจะมีคนปรามาสว่า เกิดมาในตระกูลสูงส่ง ย่อมมีโอกาส และความสุขล้นกว่าผู้ต่ำศักดิ์ แต่ทว่าชีวิตราชนิกูลก็มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล ก็เฉกเช่นเดียวกัน แม้ในวัยเยาว์คุณหญิงแมงมุมจะมีอิสระในการดำเนินชีวิตอย่างเสรีซึ่งท่านพ่อ (หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล) หรือท่านมุ้ย และหม่อมแม่ (หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา) อนุญาตให้เธอเลือกเรียนและจัดการชีวิตด้วยตนเอง จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยบอนด์ ประเทศออสเตรเลีย และกำลังจะศึกษาต่อปริญญาโทอีกไม่นานนี้ ณ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก หรือ ยู ซี แอล เอ สถานศึกษาเดียวกับท่านพ่อ เสมือนหนึ่งเดินตามรอยบิดามาติดๆ 
                 เมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา คุณหญิงแมงมุม ต้องเผชิญกับอาการป่วยด้วยโรค SLE(Erythematosus) หรือลูปัส (Lupus) โรคที่คนไทยเรียกว่า โรคพุ่มพวง ทำให้เกิดภาวะบวมน้ำ รูปร่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้เธอต้องปลีกตัวออกจากแวดวงสังคมไปพักใหญ่ แต่ทว่าวันนี้คุณหญิงแมงมุมสามารถ “ยิ้ม” ให้กับชีวิตได้อีกครั้ง แม้จะต้องต่อสู้กับอาการ ข้างเคียงที่เกิดจากการรัปทานยาสเตียรอยด์อย่างยาวนาน พร้อมบทบาทใหม่ในฐานะ “แม่บ้าน” ภรรยาของ พล.ต.พัชร รัตนกุล (ผู้พันดอร์ล่าร์) และมีกำลังกายใจเต็มเปี่ยมที่จะลุยงานที่เธอใฝ่ฝันไว้อย่าง “ผู้จัดภาพยนต์โทรทัศน์ ” เรื่องผู้ชนะสิบทิศ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8  (อาร์เอส) และกำลังออนแอร์อยู่ในขณะนี้ 
 กายใจ : สาเหตุที่คลุกคลีวงการนี้ เพราะท่านพ่อหรือเปล่า
               คุณหญิงแมงมุม : คงเป็นส่วนหนึ่งค่ะ ต้องบอกว่ามันบวกกัน ส่วนหนึ่งมันคือความผูกพัน เพราะแมงมุมโตมาในกองถ่าย คือตั้งแต่ยังเป็นเบบี๋เลย ออกจากบ้านก็คือกองถ่าย แล้วก็วิ่งเล่นอยู่ในกองถ่ายตลอด จนไปเมืองนอก เหมือนแมงมุมเห็นการทำงานของท่านพ่อมาตลอด ออฟฟิตเก่าส่วนหนึ่งของบ้าน เราตื่นลงมาก่อนไปเรียนก็จะเห็นพี่ๆ ในกองถ่ายออกไปทำหนังบ้าง รีเสิร์ชบ้าง เพื่อนเล่นแมงมุมก็คือพี่ๆในกองถ่าย 
                อีกส่วนหนึ่งเป็นความชอบส่วนตัวด้วยค่ะ คือตอนแรกก่อนที่แมงมุมจะไปเรียนฟิลม์กับทีวี ก็ไม่ทราบหรอกว่าตัวเองชอบมันจริงหรือเปล่า เลยคิดว่าเป็นเพราะความผูกพัน และตอนนั้นก็เด็กมาก ก็เลยได้แค่สัมผัส แต่ยังไม่ได้ลงมือทำ ความเป็นจริงแล้วก็ต้องเดินต่อไป เพราะข้างหน้าเราอาจเจอสิ่งที่ดีกว่าก็ได้ 
                ภาพที่เห็นก็จะเป็นสะพาน มีเด็กผู้ชายเดินไปแล้วก็จูงตุ๊กตาหมีด้วยสภาพที่เก่ามาก แล้วพอเดินเข้าไปเรื่อยๆ ตุ๊กตาหมีก็ค่อย ๆ เลือนหายไป ขณะที่เขาก็ต้องเศร้า ร้องไห้ แต่เค้าก็ต้องเดินต่อไป ในเรื่องก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
                มันเป็นโปรเจคแรกที่เราลงมือทำทุกอย่างเอง ตั้งแต่เขียนทรีตเม้นท์บทละครทำสตอรี่บอรด์ กำกับเอง ถ่ายเอง เพราะมันเป็นโปรเจคเดี่ยว แต่ก็เป็นโชคดีที่แมงมุมได้เรียนรู้ทักษะต่างๆจากกองถ่าย และก็ชอบถ่ายภาพอยู่แล้ว การใช้กล้องเรามีทุนมากกว่าคนอื่น เราค่อนข้างจะรู้ว่าใช้อย่างไร สตอรี่บอรด์ต้องเขียนแบบไหน เพราะเราเห็นมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งมันเป็นที่เราซึมซับโดยไม่รู้ตัว เหมือนคนที่มีคุณพ่อคุณแม่ทำร้านอาหาร คนๆนั้นก็จะรู้ว่าทำอย่างนี้ถึงจะอร่อย มันก็อย่างที่แมงมุมเป็นอยู่ค่ะ 
กายใจ : แม้จะเป้นความผูกพันโดยอัตโนมัติ แล้วท่านพ่อสอนด้วยหรือไม่ 
                 คุณหญิงแมงมุม : ท่านพ่อไม่ได้สอนเลย แต่ท่านจะชอบเล่าเรื่องมากกว่า ว่าการทำหนังเป็นอย่างไร จึงไม่ได้เป็นการสอน เพราะท่านไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อเราโตแล้วจะต้องเป็นผู้กำกับ ทางบ้านแมงมุมไม่ได้บอกว่า ถ้าท่านพ่อกับหม่อมแม่ทำแล้วจะต้องทำตาม ท่านทั้งสองต้องการให้อิสระในการคิด ตรงนั้นกับลูกทั้งสองคน (น้องชาย คุณชายอดัม หม่อมราชวงค์ เฉลิมชาตรี ยุคล) ทุกอย่างที่พวกเราอยากเรียน ท่านพ่อก็จะสนับสนุนทุกอย่าง 
               แล้วที่หลายคนบอกว่าแมงมุมดูเป็นผู้หญิงมั่นใจ มุ่งมั่น จริงจังในการทำงานทุกอย่าง ต้องบอกว่าได้รับอิทธิพลมาจากทั้งท่านพ่อและหม่อมแม่เลยค่ะ แต่ที่เป้นอย่างนี้ อีกมุมหนึ่งก็ต้องรู้จักปรับตัว ให้เข้ากับสถานการณ์ด้วย เพราะเวลาอยู่กองถ่ายมันจะต้องลุยๆ อยู่ง่าย ต้องอยู่กับคนเยอะๆได้ เพราะกองถ่ายคนจะเยอะมาก อย่างกองถ่ายท่านพ่อมีเป็นร้อยชีวิต แล้วตอนนี้ที่แมงมุมต้องมาเป็นผู้จัดเรื่องผู้ชนะสิบทิศ มีคนที่ทำงานกับแมงมุมกว่า 70 คน เพราะคนเยอะเราก็ต้องเป็นคนสบายๆ ไม่อย่างนั้นจะเข้ากับคนอื่นยากค่ะ                 
กายใจ : นอกจากท่านพ่อ – หม่อมแม่ คุณหญิงมีต้นแบบในการทำงานไหม
                คุณหญิงแมงมุม : โซเฟีย คาร์มิน่า คอปโปลา นักแสดง นักเขียนบท ผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวอเมริกัน แมงมุมชอบผลงาน วิธีการทำงาน และอุปนิสัยของเธอ ซึ่งโซฟียมีความคล้ายคลึงกับเรามาก พ่อของเธอเป็นผุ้กำกับ แล้วแมงมุมก็เคยเจอ รู้จักกัน แล้วมีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายๆกัน และด้วยความเป็นแฟมีมิลี่บิสซิเนส ก็จะบริหารงานแบบครอบครัวเหมือนกัน  ตอนที่อยู่กองถ่าย โซเฟียจะเป็นคนที่รีแลกซ์มาก สนุกสนาน คุยได้กับทุกคน เขาไม่เกร็ง แมงมุมก็เอาตรงนี้มาใช้
กายใจ : แต่ว่าคุณหญิงเคยอยู่ในแวดวงแฟชั่น แล้วต้องปรับตัวกับงานบันเทิงอย่างไร
                คุณหญิงแมงมุม : มันเป็นเพราะอาร์ทฟอร์มเหมือนกัน ตอนที่ทำเสื้อผ้า ทำพรีอาร์ เราทำแค่ไม่กี่คอเลคชั่น แต่พอมาทำกระเป๋า เป็นแบรด์ของเราเอง (Mangmoom) ก็จะมีการคิดมากกว่า อยากออกแบบอะไรก็ได้ เพราะเราไม่มีพาร์ทเนอร์ แต่สำหรับงานผู้จัด เราต้องคำนึงถึงว่าผู้ชมอยากได้อะไร แล้วเราให้อะไรกับเขาได้บ้าง ไม่ใช่แค่ความสนุกอย่างเดียว แต่ต้องให้ข้อคิดกับเขาบ้างไหม หรือทำอย่างไรให้เขารู้สึกคุ้ม แล้วอยากดูเรื่องนี้ สนุกด้วยแล้วก็ต้องรู้สึกว่าอยากเปลี่ยนช่องมาดูภาพยนตร์โทรทัศน์ของ เรา                
                แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกสาขาอาชีพต่างกัน แม้จะมีความคล้ายคลึงกันด้วยอาร์ท แต่ว่าเทคนิคต่างกัน อย่างที่แมงมุมทำกระเป๋า เราต้องติดต่อกับซัพพลายเออร์โดยตรง ไม่มีดีไซเนอร์เราทำทุกอย่างเองทั้งหมด แต่พอมาทำเรื่องนี้ เราต้องทำกับคนเยอะต้องทำทุกอย่างให้เป็นระบบแล้วก็ทำอย่างไรให้งานสำเร็จ ลุล่วงไปด้วยดี แล้วทุกคนมีความสุข สนุกและอยากมาทำงานกับเรา 
               เรื่องานภาพยนตร์โทรทัศน์นั้นเราก็ได้ดึงความรู้จากที่เรียนมา เพื่อเป็นผู้จัดงานที่ทำตอนนี้ก็เหมือนผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ นั่นคือเราเอาประสบการณ์ทุกอย่างที่เรียนมาใช้ได้ทั้งหมดเลย
กายใจ : จุดเริ่มต้นของบทบาทงานใหม่นี้เกิดขึ้นอย่างไร 
        คุณหญิงแมงมุม : ต้องบอกว่าแมงมุมเดินเข้าไปขอทำเอง ซึ่งตอนนั้นก็บอกกับท่านพ่อและหม่อมแม่ว่า แมงมุมพร้อมแล้วที่จะมาทำงานตรงนี้ คำว่าพร้อมของแมงมุมมันมาจากข้างในตัวแมงมุมเองที่บอกว่าเราโตพอแล้วเก็บ ประสบการณ์ด้านอื่นมาเพียงพอแล้ว จึงอยากสานต่อธุรกิจของที่บ้าน ก็เลยเข้าไปคุยกับท่านว่า จะทำโปรเจคใดดี ตอนนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นเราอยากทำมันเป็นงานชิ้นใหม่น่าจะสนุก คิดว่าเป็นโปรเจคที่น่าสนใจ 
            อาจมีคำถามว่า ทำงานแนวเดียวกับท่านพ่อหรือเปล่า มันไม่ใช่เลยนะคะ เพราะงานท่านพ่อเป็นประวัติศาสตร์ แต่อันนี้เป็นบทประพันธ์ แล้วรูปแบบการทำงานก็ต่างกัน งานท่านพ่อเป็นภาพยนตร์ แต่งานของเราเป็นละคร แล้วแมงมุมว่าคงไม่มีการเปรียบเทียบหรอก เพราะว่าท่านพ่อทำภาพยนตร์มา 40 กว่าปี แต่เรื่องนี้เป็นโปรเจคแรกของแมงมุม ท่านพ่อเป็นผู้กำกับ ส่วนแมงมุมเป็นผู้จัด ทำงานเหมือนพี่เลี้ยงค่ะ ต้องดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่จะเอาเรื่องไหนแคสติ้ง จะเอาใครมาเล่น ทีมงานคือใคร ทำบัญชี วางตารางคิว โพสต์โปรดักชั่นเป็นอย่างไร พีอาร์ไปถึงไหน เรียกว่าทำไปจนจบค่ะ เราทำตั้งแต่ต้นจนฉายเสร็จ จบ ไม่มีอะไรต่อแล้วนั่นแหละ 
กายใจ : ขณะที่งานของเราเป็นพี่เลี้ยง แล้วเราต้องมี “พี่เลี้ยง” ด้วยไหม
              คุณหญิงแมงมุม : พี่เลี้ยงของแมงมุมก็คือท่านพ่อกับหม่อมแม่ และพี่ ๆ ในกองถ่ายเป็นที่ปรึกษาทั้งหมด เพราะทีมงานส่วนใหญ่ก็รู้จักแมงมุม ทำงานกับที่บ้านมาตั้งแต่ก่อนสุริโยทัย แมงมุมก็จะฟังที่พี่แนะนำ และทุกคนประสบการณ์มากกว่าแมงมุมอยู่แล้ว
               อย่างหม่อมแม่ก็จะสอนวิธีการบริหารคน ต้องวางตัวอย่างไร หรือพี่เจี๊ยบผู้จัดการกองถ่าย ก็จะคอยบอก “น้องหญิงใจเย็นๆ นะคะ” พวกเขาจะสอนวิธีการทำงานร่วมกันเพราะแมงมุมเองจะเป็นคนตรง หน้าดุ เสียงดุ ถ้าคนที่ไม่สนิทก็จะกลัว แต่พอเราไปกองถ่าย 3-4 วัน ทุกคนก็จะรู้แล้วว่าแมงมุมเป็นคนใจดีเหมือนกันนะ (หัวเราะ) อย่างไรก็ตาม แมงมุมทำงานค่อนข้างเป็นระบบ ถ้าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว ทุกอย่างมันก็จะราบรื่น งานก็จะง่ายขึ้น
                แมงมุมเคารพทุกคนยิ่งคนที่โตกว่าเหมือนเขาเลี้ยงแมงมุมมา เราไม่ใช่หัวหน้าเขาเพราะอย่างไรเราก็เป็นเด็กในสายตาเขา เขายังดุแมงมุมได้ เราจะมั่นใจตัวเองมากไม่ได้เพราะไม่เคยทำงานตรงนี้มาก่อน แต่ต้องมั่นใจในทีมของเรามากกว่า
กายใจ : เล่าถึงการทำงานวันแรกในฐานะผู้จัด?
               คุณหญิงแมงมุม : วันแรกไม่สนุก (หัวเราะ) เพราะมีแต่การประชุม เตรียมงาน แต่ว่าไปลงกองถ่ายวันแรกก็จะไม่สนุกเท่าวันที่ทุกคนรู้จักกันแล้ว สำหรับนักแสดงนะคะ เหมือนทุกคนก็แปลกหน้ากันหมด พอไม่สนิททุกคนก็จะเกร็ง ๆ พอไปสักคิวที่ 10 จะเริ่มซนกันแบบสุด ๆ ก็จะเล่นกันมากแล้วพี่ ๆ ที่กองถ่ายก็จะแอบมาบ่น แบบไม่ซีเรียสนะคะว่าไม่น่าสนิทกันเลยพวกนี้ แต่พอสนิทกันเร็วก็ส่งผลดี ทำให้งานทำเร็วขึ้น ส่วนนักแสดงรุ่นใหญ่ พวกเขาก็จะเห็นแมงมุมมาตั้งแต่เด็กๆ การทำงานก็จะง่ายขึ้น คล้ายกับครอบครัว คือทุกคนอยากมาทำงาน และด้วยความที่เราไปถ่ายทำต่างจังหวัด เราต้องนอนค้างคืน ถ่ายทำเสร็จก็ไปกินข้าวกัน ไม่ใช่เป็นแค่การไปทำงานอย่างเดียว ส่วนความยุ่งยากที่เราอาจเจอก็พวกช้าง ม้า ที่คอนโทรลมันยาก หรือคิวบู๊ คือก็จะเป็นห่วงน้อง ๆ ก็อาจจะมีอุบัติเหตุบ้างนิดหน่อย ซึ่งเราก็เซฟตี้มากที่สุดแล้ว มีครูอยู่ตลอด แล้วก็ได้เรียนมาแล้วเราก็วางใจระดับหนึ่งได้เลย แมงมุมก็ไม่ต้องเข้าไปดูทุกครั้งที่ถ่ายเพราะอาจมีประชุมที่ออฟฟิศ หรือทำงานที่ต้องอยู่ในเมือง แต่ก็จะโทรถามไถ่ว่าการทำงานเป็นอย่างไร ใครมาสาย ใครงอแง (หัวเราะ) แต่เราก็จะมีคนที่ดูแล อย่างผู้จัดการกองถ่ายค่ะ 
                 ในขณะเดียวกันเราต้องเชื่อมั่นร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ทั้งทีมงานและนักแสดง กรณีรุ่นใหญ่เป็นมืออาชีพกันอยู่แล้ว แต่น้อง ๆ ดาราใหม่ พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าตั้งใจ ไม่ว่าจะร้อน จะเหนื่อย ทำงานหนัก เพราะต้องเข้าฉากปุ๊บบทเป๊ะ ยิ่งนักแสดงใหม่ก็ทำให้เราเห็นพัฒนาการของเขาได้อย่างชัดเจน พอเราเห็นฟิลม์ต้นฉบับปุ๊ป เราวางใจแล้วว่าทุกคนทำได้ เรียกว่าเรื่องนี้แมงมุมแทบไม่ต้องไปกองถ่ายเลยก็ได้ เพราะทุกคนเก่งมากอยู่แล้วแต่ถึงแม้เราจะไว้ใจ ไม่ไปก็ได้ แต่เราก็ต้องไปอำนวยความสะดวกให้ทุกคน ทำงานได้อย่างสบายใจ แล้วก็สะดวกสบายมากขึ้น   
กายใจ : เหตุใดจึงเลือกเรื่อง “ผู้ชนะสิบทิศ” มานำเสนอ
                 คุณหญิงแมงมุม : เพราะเราอยากทำอะไร ที่แตกต่าง อยากให้ผู้ชมมีทัศนคติใหม่ เห็นเซ็ตเทอร์ไลซ์ ทีวีในอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่จำเป็นต้อง Low Budget หรือโปรเจคเล็กๆ แต่เราสามารถทำได้เท่าฟรีทีวี แมงมุมอยากให้สื่อแทนที่จะสะท้องสังคม อยากให้มีโปรเจคที่เป็นตัวอย่างสังคมมากกว่า มันไม่จำเป็นต้องสะท้อนแล้วล่ะ เพราะคนเริ่มรู้แล้วว่าสังคมเราเป็นอย่างไร แต่ควรจะทำอย่างไร ให้สื่อว่าเป็นตัวอย่างที่ดี เด็กดูแล้วทำตามได้ ได้ข้อคิดกลับไป และเป็นคนที่ดีต่อสังคม เราควรสร้างงานที่เป็น Positive บ้าง 
                อย่างเรื่องผู้ชนะสิบทิศ เราทำแบบโปรดักชั่นหนังแต่ถ่าย 3 กล้องแบบละคร และอยากทำในแบบของเราให้ดีที่สุด ซึ่งหวังว่าทุกคนดูจะได้ข้อคิด เกี่ยวกับความสามัคคี รักชาติ จริงอยู่ที่เราถ่ายเรื่องเกี่ยวกับพม่า แต่เราอยากสื่อให้ลึกกว่านั้นว่าไม่ได้จำกัดที่ประเทศ แต่เราอยากให้เห็น ลักษณะของคนในชาติ ว่าเขารักชาติ และสามัคคีกันอย่างไร เราควรเอาตรงนั้นมาลิงค์กันในปัจจุบันนี้ แล้วก้อยากให้ผู้ชมเห็นถึงความตั้งใจ ทำงาน ของทีมงาน ความพิถีพิถัน และผลักดันให้เกิดงานอย่างนี้มากขึ้นๆ ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ของคนดูค่ะ 

กรุงเทพธุรกิจ : วันอาทิตย์ที่ 18 เดือนพฤษภาคม 2557  
ม. หอการค้าไทย กับ 7 สุดยอดทายาทธุรกิจ

                    มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จับมือกับกันตนา และโปรดิวเซอร์ชื่อดังจากฮอลิวูดด์ ทอม นูแนน เปิดตัวรายการ “Famiry Secrets” ไขความลับทายาทธุรกิจ รายการเรียลลิตี้โชว์ ในรูปแบบ Edutainment ถ่ายทอดเรื่องราว 7 ทายาทธุรกิจของประเทศไทยได้แก่ อลิสา พันธ์ศักดิ์ (จ๋าทิฟฟานี่) จรัสพงค์   ล่ำซำ (แบงค์)  ภัสสรกรณ์  จิราธิวัฒน์ (ป๊อก) ณพาภรณ์  โพธิรัตนังกูร(หนูเล็ก) ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง  ยุคล(คุณหญิงแมงมุม) ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์(โจ้)และโทนี่รากแก่น  ร่วมเจาะลึกเรื่องราว  การทำธุรกิจครอบครัวพร้อมออนแอร์  4  พฤษภาคม 2557 ทุกคืนวันอาทิตย์  เวลา 21.40 น.  ทางสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ โดย  รศ.ดร. เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี  มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  กล่าวว่า  ธุรกิจในประเทศไทยกว่า 80 เปอร์เซ็น เป็นลักษณะธุรกิจครอบครัว  ซึ่งปัญหาในการบริหาร  งานนั้น  จะแตกต่างจากธุรกิจในรูปแบบอื่น ๆ โดยเฉพาะการสืบทอดกิจการจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่ สำคัญ   

ประชาชาติธุรกิจ วันพฤหัสบดี 14-วันอาทิตย์ 17 พฤศจิกายน 2556
Section : ดีไลฟ์/หน้าแรก
ปีที่ : 36  ฉบับที่ : 4575  หน้า : 37 (ซ้าย).1
หัวข้อข่าว : แมงมุมผู้จัดมือใหม่ ... ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล “ชีวิตที่มีภาพยนตร์ ฝั่งในเส้นเลือด”
โดย ดาริกา บำรุงโชค

ช่อง 8 ควัก 80 ล้านปั้น "ผู้ชนะสิบทิศ"
กระแส มาแรงอย่างต่อเนื่องสำหรับเรตติ้งของเคเบิลทีวีช่อง 8 ภายใต้การบริหารของ "โด่ง-องอาจ สิงห์ลำพอง" หลังจากทุ่มเทปั้นละครเคเบิลให้มาแรงไม่น้อยหน้าฟรีทีวี
ย้อนไปถึงโจทย์ ตั้งต้นที่อาร์เอสกล้าทุ่มสร้างละครฉายผ่านทางแซตเทลไลต์ เพราะอยากทลายกำแพงที่คนชอบพูดว่า ละครแซตเทลไลต์เป็นเกรดบี หรือรีรันอย่างเดียว ในมุมของเราไม่ใช่แบบนั้น มองว่าทุกอย่างอยู่ที่รีโมตคอนโทรล อาร์เอสจึงตัดสินใจกระโดดเข้ามาทำละครฉายแซตเทลไลต์อย่างเต็มตัวเป็นเจ้า แรก"ผ่านลองผิดลองถูกตั้งแต่เรื่องแรกอย่าง "ทองประกายแสด" ตอบโจทย์ทุกอย่างให้เห็นทันทีว่า คนอยากดูอะไรที่ไม่มีให้ดูในฟรีทีวี แต่ในวันที่ช่องของเราต้องเติบโต ไม่ใช่ให้คนดูชินแต่เรื่องแรง รสแซบ ๆ อย่างเดียว คนดูก็จะเบื่อรู้สึกซ้ำซากไม่มีความหลากหลาย ช่อง 8 จึงลองทำละครหลายแบบให้คนดูได้เลือก" โด่ง-องอาจเล่าให้ฟังว่า มาลงเอยที่ "ละครพีเรียด"
งานนี้บิ๊กบอสอย่าง "เฮียฮ้อ" ทุ่มงบฯกว่า 80 ล้าน คืนกำไรให้คนดูส่งท้ายปี สร้างอภิมหาภาพยนตร์โทรทัศน์ "ผู้ชนะสิบทิศ" ถือเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ที่ทำให้ช่อง 8 ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง คนดูจะได้เห็นอะไรที่แตกต่างจากละครที่เคยได้รับชมมา
"อาร์เอสทุ่มให้ เยอะมากเท่าที่เราทำได้ อยากผลักดันให้คนดูรู้สึกว่า หมดแล้วพรมแดนระหว่างฟรีทีวีกับแซตเทลไลต์ เราว่าสิ่งที่เราทำครั้งนี้อาจมากกว่าที่ละครฟรีทีวีทำเสียอีก"
ฟีดแบ็กจากเฮียฮ้อถึงผู้ชนะสิบทิศเป็นอย่างไร ?
"เฮียชอบสไตล์พีเรียดอยู่แล้ว และชอบประวัติศาสตร์มาก"
แถม ยังแอบเมาท์ต่ออีกว่า "เฮียเป็นคอซีรีส์เกาหลีนะ ติดซีรีส์ขนาดดูดึกดื่นถึงตี 3 ตี 4 เดี๋ยวนี้เจอนายต้องคุยถึงซีรีส์เกาหลีก่อน และเฮียเองเป็นคนเผยแพร่ซีรีส์เกาหลีให้ผมด้วย ที่ชอบมากเป็นเรื่องพงศาวดารเกาหลี และนี่เป็นแรงบันดาลใจให้อยากทำละครพีเรียด มองเห็นว่าเมืองไทยก็มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไม่แพ้เกาหลี"
แม้เรื่องผู้ชนะสิบทิศจะถูกฉาบด้วยประวัติศาสตร์ แต่ก็เป็นเรื่องราวของความรักที่มีหลังฉากเป็นสงครามในประวัติศาสตร์นี่น่าติดตาม
"พอ คิดถึงละครพีเรียดโปรเจ็กต์ใหญ่ ๆ ก็เห็นภาพบริษัทศรีคำรุ้งขึ้นมาทันที ส่วนการทำงานกับหญิงแมงมุม ถือเป็นคนทันสมัย และมีมุมมองมาร์เก็ตติ้งแบบที่เทรนด์ต้องการ ในมุมมองของอาร์เอส โปรดักชั่น เรื่องนี้ดีที่สุดแล้ว"
โด่ง-องอาจชวนลุ้นเรื่องราวความรักระหว่างรบ ของ "บุเรงนอง" แม่ทัพใหญ่แห่งตองอูผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็น "ผู้ชนะสิบทิศ" ในภาพยนตร์โทรทัศน์แบบเต็มอิ่มหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 08.00/11.45/16.35/20.00 น.ทางช่อง 8 
ฝีมือสองคู่หู "ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง" กับ "ดร.โด่ง-องอาจ" จะพลิกละครแซตเทลไลต์ งบฯกว่า 80 ล้าน ออกมาเป็นอย่างไร ต้องติดตามต่อไป
ผู้จัดมือใหม่... แมงมุม ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล "ชีวิตที่มีภาพยนตร์ฝังในเส้นเลือด"
"ไม่ เคยคิดว่าตัวเองเจ๋ง ที่ได้มาทำหนัง เพราะรู้มาตลอดว่า เบื้องหลังการทำงานภาพยนตร์ ทั้งเหนื่อยและหนัก นับตั้งแต่จำความได้ สนามเด็กเล่น ก็คือ กองถ่ายหนังแล้ว จึงพอคาดเดาได้ว่า ต่อไปข้างหน้า เราจะต้องเจออะไรบ้าง" 
ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล หรือ "คุณหญิงแมงมุม" บอกเล่ากับประชาชาติธุรกิจถึง "บทบาทใหม่" ในฐานะผู้จัดภาพยนตร์โทรทัศน์ฟอร์มยักษ์เรื่อง "ผู้ชนะสิบทิศ" จากบทประพันธ์อมตะของ "ยาขอบ" โดยมี "เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" เป็นผู้อำนวยการสร้าง ยอมทุ่มเงินสูงถึง 80 ล้านบาท เนรมิตละครพีเรียดอิงพงศาวดารออกฉายทาง "ช่อง 8" ในเครืออาร์เอสฯ
ด้วย วัยเพียง 29 ปี คุณหญิงแมงมุมน่าจะมีอายุน้อยมาก เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ผู้จัดคนอื่น แม้เธอจะเป็นหน้าใหม่แห่งวงการ แต่ราชนิกูลสุดเปรี้ยวที่เพิ่งสละโสดกับ "ผู้พันดอลล่าร์" (พล.ต.พัชร รัตตกุล) กลับมี "แต้มต่อ" จากการเติบโตมาใน "ตระกูลผู้กำกับ" เป็นธิดาคนโตของ ท่านมุ้ย-หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล และหม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชื่อดังของเมืองไทย
ดีเอ็น เออันเข้มข้นทางภาพยนตร์จากคุณพ่อ-คุณแม่ถ่ายทอดมายังทายาท "ยุคล" ทั้ง "คุณหญิงแมงมุม-คุณชายอดัม" (ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล) ไม่มีใครเดินแตกแถวจากวงการแผ่นฟิล์มสักคน
ฝั่งหญิงแมงมุม หลังจากเรียนจบปริญญาตรีทางด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ จากมหาวิทยาลัยบอนด์ ประเทศออสเตรเลีย ขอแวบออกไปหาประสบการณ์ด้านโฆษณาและวงการแฟชั่นที่ชื่นชอบก่อน ด้วยการปั้นแบรนด์ร้านเสื้อผ้าเก๋ ๆ ที่ชื่อฟลามิงโก (Flamingo)
แต่ สุดท้ายลูกไม้คนสวยก็หล่นใต้ต้นอยู่ดี "ถึงเวลาแล้วที่จะกลับมาทำธุรกิจครอบครัว หลังจากลองผิดลองถูกมาหลายอย่าง เมื่อลองปรึกษากับท่านพ่อท่านแม่ จึงตัดสินใจเปิดบริษัท ศรีคำรุ้ง โปรดักชั่น จำกัด ผลิตเรื่องผู้ชนะสิบทิศเป็นโปรเจ็กต์แรก" คุณหญิงแมงมุมเล่าถึงที่มาของอภิมหาโปรเจ็กต์เรื่องแรกในชีวิตฝีมือทายาท ท่านมุ้ยทำอะไรต้องยิ่งใหญ่อลังการ เพราะอยากเปิดตัวโปรเจ็กต์แรกของบริษัทที่ใหญ่ไว้ก่อน เรียกว่า "ภาพยนตร์โทรทัศน์" โดยมีแบ็กอัพที่ดีจากครอบครัว
"ผู้ชนะสิบทิศเป็น ละครที่มีโปรดักชั่นใหญ่เหมือนภาพยนตร์ แต่ถ่ายทำเป็นแบบละครทีวี เราถนัดเรื่องทำโปรดักชั่นใหญ่อยู่แล้ว ตั้งแต่ที่ท่านพ่อทำหนังพระศรีสุริโยทัย และตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ ทั้งรีเสิร์ชและแบ็กกราวนด์เกี่ยวกับพม่าก็ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น ดังนั้นจะเห็นฉากในหนังเรื่องนี้เหมือนอยู่ในประเทศพม่าจริง ๆ แน่นอนว่าโปรดักชั่นผู้ชนะสิบทิศเวอร์ชั่นนี้เป็นภาพยนตร์มากกว่าละครภาค เก่า ๆ"
แค่ฟังโปรดักชั่นตามลายเซ็นของท่านมุ้ย คงเป็นไปได้ยากที่จะเห็นในละครโทรทัศน์ทั่วไปหญิงแมงมุมคุยถึงนักแสดงนำที่ รับบทเป็น "จะเด็ด" หรือ "บุเรงนอง" ต้องมีบุคลิกเป็นทั้งนักรบและนักรักในคนคนเดียว "ตอนอ่านบทก็คิดไปว่าใครกันจะทำให้ผู้หญิงทุกเมืองหลงรักได้ เราเห็นภาพฟิล์ม-รัฐภูมิ (โตคงทรัพย์) ลอยขึ้นมาเป็นคนแรก เขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่ง และคนส่งอารมณ์ทางสายตาได้ดี บางครั้งนั่งดูเขาแสดงอยู่หลังมอนิเตอร์ก็รู้สึกหมั่นไส้ เพราะคนอะไรเล่นได้เจ้าชู้ชะมัด"ชีวิตกองถ่ายของหญิงแมงมุมเริ่มตั้งแต่ยัง นอนแบเบาะอยู่ในตะกร้า พอลืมตาขึ้นมา เธอเล่าว่า เห็นท่านมุ้ยกำกับหนังอยู่แล้ว ขณะที่หม่อมกมลาต่างกำลังง่วนทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ กองถ่ายภาพยนตร์เป็นเหมือนสนามเด็กที่มีพี่ ๆ เป็นเพื่อนเล่น เจ้าตัวยอมรับเป็น "เด็กซน" ที่ชอบป่วนในกองถ่าย ตั้งแต่เด็กยันโต"แมงมุมจะคอยสังเกตดูว่าคนไหนมีจุดอ่อนอะไร เช่น ตอนถ่ายหนังเรื่องกล่องกับพี่โน้ส อุดม เขากลัวแมลงสาบ เราก็จะพกแมลงสาบมาเป็นกล่อง คอยแอบไปวางไว้ที่ต่าง ๆ อย่างพี่นก ฉัตรชัย ก็บ้าจี้และชอบตกใจง่ายมาก ส่วนพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ กลัวเข็มมาก"สิ่งที่ซับซึมและเห็นจนชินตา คงเป็นภาพความวุ่นวายและมีปัญหาเกิดขึ้นทุกวันในกองถ่าย ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่คุ้นกับการตื่นมาทำงานร่วมกับคนกว่า 70 คนทุกวัน "งานนี้เหมือนกลับมาอยู่บ้านหลังเดิม เพราะเราเติบโตมาจากตรงนี้ตั้งแต่เด็ก"กว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนว่า "ชอบทำหนัง" ผ่านการทบทวนกับตัวเองอย่างละเอียดแล้ว คัดค้านความปรารถนาของฝ่ายพ่อที่ไม่อยากให้ลูกสาวมาอยู่ในวงการบันเทิง 
"คุณ พ่อบอกเสมอว่า ถ้าไม่รักจริง อย่าทำเด็ดขาด เพราะทำงานด้านภาพยนตร์ ทั้งหนักและเหนื่อย ต้องนอนดึก ตื่นเช้ามืด ทำงานไม่เป็นเวลา คุณพ่อย้ำหลายรอบว่า อย่าคิดว่ามาทำงานตรงนี้ เพราะครอบครัวทำอยู่แล้ว" แต่เธอยังยืนยันเสียงแข็ง "อยากเป็นผู้กำกับ" "มีท่านพ่อเป็นไอดอล เพราะในสายตาของแมงมุม ท่านเป็นผู้กำกับที่เก่งที่สุดแล้ว"สายเลือดชอบนั่งหลังจอมอนิเตอร์เช่น เดียวกับท่านมุ้ย บวกกับชอบบริหารคนเหมือนหม่อมกมลา ถามว่านิสัยเหมือนใครมากกว่ากัน ? หญิงแมงมุมตอบทันทีว่า นิสัยดื้อเหมือนคุณพ่อ แต่ดุเหมือนคุณแม่ แต่ที่ได้จากทั้งคู่ คือความเปอร์เฟ็กชั่นนิสต์ ทำอะไรต้องทำให้ดี และต้องดีได้อีกเสมอ น้องชายอดัมก็เป็นเหมือนกัน "แต่ท่านพ่อเป็นคนเอ็กซ์ตรีม เขาทำงานตลอดเวลาจริง ๆ แม้แต่นอนดูหนังก็มีไอแพดทำงานไปด้วย นั่งทานข้าวก็นั่งฟังเลกเชอร์ที่กำลังมุ่งมั่นเรียนออนไลน์ด้านสเปเชียล เอฟเฟ็กต์ ล่าสุดคุณพ่อเพิ่งหายจากไข้หวัดใหญ่ ยังฝันว่ากำลังตัดต่อหนังอยู่ โอ๊ย ! ขนาดหลับฝันยังทำงานตลอด" หญิงแมงมุมเล่าด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง พร้อมบอกต่อว่า "แมงมุมอยากบาลานซ์ชีวิตได้มากกว่านั้น ยิ่งตอนนี้แต่งงานแล้วก็ต้องจัดตารางชีวิต เพื่อแบ่งเวลากินข้าวกับเพื่อน ครอบครัว พี่ดอลล่าร์ (สามี) และให้เวลาตัวเองด้วย"แต่ทุกคนในบ้านก็ยังมีเวลาไปทำกิจกรรมสุดโปรดประจำ ตระกูลยุคลด้วยกัน นั่นคือ "ดูหนัง" 
"เวลาเดินออกจากโรงหนังเหมือนอยู่ ในสภา บางครั้งก็ไม่รู้จะดีเบตอะไรกันนักหนา คนอื่นดูหนังเสร็จก็คงไปลั้นลากัน แต่ครอบครัวของเราต้องขอแชร์ไอเดียกันต่อทันที"เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่ มีภาพยนตร์อยู่ในสายเลือดโดยแท้ วงสนทนาในครอบครัวก็ไม่พ้นคุยเรื่องหนังขึ้นชื่อว่าเป็น "ลูกท่านมุ้ย" จะสร้างผลงานอะไรย่อมเป็นที่จับจ้อง พร้อมแบกความคาดหวังสูงเป็นธรรมดา
"แมงมุม โตมากับความคาดหวังและคำสบประมาทตั้งแต่เด็ก ไม่แปลกที่พอเริ่มทำโปรเจ็กต์ ย่อมต้องมีคนกดดันอยู่แล้ว เรารู้สึกเฉย ๆ และพยายามใช้สิ่งนั้นเป็นแรงผลักดันในทางที่ดี รอดูผลงานดีกว่า"
บทพิสูจน์แรกอยู่ที่ภาพยนตร์โทรทัศน์ "ผู้ชนะสิบทิศ"

เดลินิวส์ : วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2556
Section : First Section / ภาพ-ข่าวสังคม
ฉบับที่ 23403 หน้า : 3 (ซ้าย)
สังคมข่าว – เปิดตัวภาพยนตร์โทรทัศน์

เปิด ตัวภาพยนตร์โทรทัศน์ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ เป็นประธานในงานช่อง 8 รับแขกแถลงข่าวเปิดภาพยนตร์โทรทัศน์ฟอร์มยักษ์ “ผู้ชนะสิบทิศ” โดยมี องอาจ สิงห์ลำพอง พล.ตพัชร รัตตกุล ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล และธนสิทธิ์ คงศักดิ์สิริกุล ร่วมงาน ที่บมจ.อาร์เอส

M2F: วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2556
Section: First Section/ Entertain: Star News
ฉบับที่ : 512 หน้า: 8 (บน)
หัวข้อข่าว : ผู้ชนะสิบทิศ ผลงานเด็ดคุณหญิงแมงมุม

โปรเจกต์ ใหญ่โปรเจกต์ยักษ์ใกล้ปรากฏสู่สายตาด้วยฝีมือผู้จัดอย่าง คุณหญิงแมงมุม-ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล และคุณสามี พล.ต.พัชร รัตตกุล กับภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องแรกที่ทุ่มถึง 80 บ้านบาท “ผู้ชนะสิบทิศ” ส่งป้อนให้กับค่ายของเฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ที่จะเริ่มออกอากาศเต็มอิ่มหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 08.00/11.30/16.30/20.00 น. ทางช่อง 8 เริ่ม 12 พ.ย.นี้ นักแสดงนี่ก็ระดับต้น ๆ ของค่ายทั้งนั้น นำมาโดย จะเด็ด ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ งานนี้โด่ง-องอาจ สิงห์ลำพอง รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 เผยถึงที่มาของ
บิ๊ก โปรเจกต์ “จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้มาจากเฮียฮ้อได้ชวนท่านมุ้ย (หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล) มาร่วมงาน จังหวะเดียวกันกับที่ทางช่อง 8 เองอยากจะมีอะไรที่หลากหลาย จึงเป็นที่มาของการร่วมงานกันในครั้งนี้โดยท่านมุ้ยก็ได้ให้ คุณหญิงแมงมุมเข้ามาดำเนินการในนามบริษัทศรีคำรุ้ง ซึ่งทั้งในส่วนของทีมโปรดักชั่นมีความน่าเชื่อถือระดับประเทศ และตัวเรื่องก็น่าสนใจก็ถือเป็นโปร-เจกต์ใหญ่ที่ทำให้ช่องก้าวไปอีกขั้น หนึ่ง และเป็นการส่งท้ายปีให้กับแฟน ๆ ได้ชมละครฟอร์มใหญ่ได้เห็นอะไรที่แตกต่างจากละครที่เคยได้รับชมด้วย”